แหล่งข่าวจากรัฐบาลอินเดียเปิดเผยว่า รัฐบาลและธนาคารกลางอินเดีย (RBI) กำลังมีความขัดแย้งกันเกี่ยวกับข้อเสนอของ RBI ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอินเดีย
ทั้งนี้ ในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา RBI เสนอให้ธนาคารพาณิชย์จะต้องทำการกันสำรอง 5% ต่อเงินกู้ที่ปล่อยให้กับโครงการสาธารณูปโภคซึ่งกำลังมีการก่อสร้าง ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งพากันร้องเรียนต่อรัฐบาล เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นสำหรับโครงการดังกล่าว
นอกจากนี้ ในเดือนก.ค. RBI ได้เสนอให้ธนาคารพาณิชย์จะต้องเพิ่มการกันสำรอง 5% สำหรับเงินฝากของลูกค้ารายย่อยที่สามารถเบิกถอนผ่านระบบออนไลน์ เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์สามารถรองรับกรณีการถอนเงินจำนวนมากผ่านระบบอินเทอร์เน็ตและโมบายล์แบงกิ้ง ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวของ RBI จะทำให้ธนาคารต่าง ๆ ต้องถือครองสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องมากขึ้น เช่น พันธบัตรรัฐบาล ซึ่งจะกระทบต่อเงินทุนที่ธนาคารสามารถปล่อยกู้แก่ลูกค้า
อย่างไรก็ดี ข้อเสนอทั้ง 2 ของ RBI ยังคงไม่มีการบังคับใช้แต่อย่างใด
แหล่งข่าวระบุว่า กระทรวงการคลังได้ส่งหนังสือแจ้ง RBI ว่า RBI ควรผ่อนคลายข้อเสนอดังกล่าว เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อระบบสินเชื่อในเศรษฐกิจ โดย RBI ควรพิจารณาประเด็นการเพิ่มการกันสำรองเป็นแต่ละอุตสาหกรรมแตกต่างกันไป โดยขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของแต่ละอุตสาหกรรม และควรสร้างความสมดุลระหว่างความต้องการสินเชื่อของระบบเศรษฐกิจและสถานะของระบบธนาคาร
ส่วนการกันสำรองสำหรับเงินฝากธนาคารนั้น กระทรวงการคลังเสนอให้ RBI กำหนดการกันสำรองสำหรับประเภทของเงินฝากที่มีแนวโน้มถูกถอนออกจำนวนมาก แต่ไม่ควรกำหนดการกันสำรองที่มีผลบังคับกับเงินฝากทุกประเภท