ธนาคารกลางอิสราเอลประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 8 ติดต่อกัน เนื่องจากคาดว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นอีก อันเป็นผลมาจากการที่อิสราเอลทำสงครามกับบรรดากลุ่มติดอาวุธที่อิหร่านให้การสนับสนุน
ทั้งนี้ ธนาคารกลางอิสราเอลมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 4.5% ในการประชุมเมื่อวันจันทร์ (6 ม.ค.) ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก
ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางอิสราเอลคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ที่ระดับ 4%-4.25% ในอีก 12 เดือนข้างหน้า และได้ปรับเพิ่มตัวเลขประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 2568 ขึ้นสู่ระดับ 4% จากระดับ 3.8% ส่วนในปี 2567 นั้น ธนาคารกลางปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจขึ้นสู่ระดับ 0.6% จากระดับ 0.5%
การที่อิสราเอลระดมกำลังพลเข้าสู่กองทัพจนทำให้เกิดภาวะขาดแคลนแรงงานในตลาด รวมถึงการที่สายการบินจำนวนมากยกเลิกเที่ยวบินสู่อิสราเอลนั้น ได้ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นแตะระดับ 3.4% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้ที่ระดับ 1%-3%
"การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเวลานี้ก็เหมือนกับการพยายามดับไฟโดยใช้น้ำมันเชื้อเพลิง" อามีร์ ยารอน ผู้ว่าการธนาคารกลางอิสราเอล กล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ย และกล่าวเพิ่มเติมว่า "เนื่องจากการขาดแคลนแรงงานเป็นอุปสรรคสำคัญ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะยิ่งเพิ่มอุปสงค์โดยไม่เพิ่มอุปทาน ดังนั้นการลดดอกเบี้ยมีแต่จะทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น"