กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) แนะนำให้ไทยพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำและบรรเทาภาระหนี้ในประเทศ
IMF ระบุในแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดี (20 ก.พ.) ว่า เห็นด้วยกับการตัดสินใจของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนต.ค. 2567 และแนะนำให้พิจารณาปรับลดเพิ่มเติม เนื่องจากหนี้ครัวเรือนไทยพุ่งสูงแตะระดับ 4.86 แสนล้านดอลลาร์ จากราว 4 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงต้นปี 2562
ข้อเสนอดังกล่าวของ IMF สอดคล้องกับของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย ที่เรียกร้องให้ธปท.ลดดอกเบี้ย หลังเศรษฐกิจปี 2567 ขยายตัวเพียง 2.5% ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีกำหนดประชุมพิจารณาอัตราดอกเบี้ยในวันที่ 26 ก.พ.นี้
"ด้วยความไม่แน่นอนของแนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในระดับสูง ทางการควรพร้อมปรับจุดยืนนโยบายการเงิน โดยพิจารณาจากข้อมูลและทิศทางเศรษฐกิจเป็นสำคัญ" IMF ระบุ
ทั้งนี้ ธปท.ได้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.25% ในการประชุมเดือนธ.ค. 2567 หลังจากปรับลด 0.25% ในเดือนต.ค. โดยผลสำรวจของสำนักข่าวบลูมเบิร์กพบว่า นักเศรษฐศาสตร์ 10 จาก 13 คน คาดว่า กนง.จะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิมในการประชุมสัปดาห์หน้า
IMF ยังคงคาดการณ์ GDP ไทยในปี 2568 ที่ระดับ 2.9% แต่มองว่ายังมีความเสี่ยงด้านลบจากความตึงเครียดทางการค้าโลก ความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และภาระหนี้ของภาคเอกชนในประเทศ