คาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กล่าวในวันนี้ (26 มี.ค.) ว่า BOJ จำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากราคาอาหารที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเริ่มผลักดันให้ราคาสินค้าและบริการอื่น ๆ สูงขึ้นเป็นวงกว้าง ซึ่งนับเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่า BOJ พร้อมจะค่อย ๆ ถอนนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย
อุเอดะชี้แจงว่า แม้อัตราเงินเฟ้อล่าสุดของญี่ปุ่นจะสูงมาก แต่ส่วนใหญ่มาจากปัจจัยชั่วคราว เช่น ต้นทุนนำเข้าและราคาอาหาร ซึ่งยังไม่ใช่เหตุผลที่จะต้องรีบใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นในขณะนี้ แต่ BOJ ก็พร้อมจะดำเนินการ หากแรงกดดันด้านราคาเหล่านี้เริ่มส่งผลกระทบในวงกว้างขึ้น
อุเอดะกล่าวต่อรัฐสภาว่า หากสถานการณ์เช่นนี้ทำให้เกิดเงินเฟ้อเป็นวงกว้างไปทั่วเศรษฐกิจ BOJ ก็จำเป็นต้องตอบสนองด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ย พร้อมเสริมว่า BOJ อาจใช้มาตรการที่เข้มข้นขึ้น ซึ่งอาจหมายถึงการขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้นหรือแรงกว่าที่คาดไว้ หากเงินเฟ้อสูงเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้อย่างมีนัยสำคัญ
อนึ่ง ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) เดือนก.พ. อยู่ที่ 3.0% ซึ่งเป็นอัตราเงินเฟ้อล่าสุดที่อุเอดะกล่าวว่าสูงมาก
BOJ ให้ความสำคัญกับเงินเฟ้อที่แท้จริง (underlying inflation) ซึ่งตัดผลกระทบจากปัจจัยชั่วคราวออกไป โดยอุเอดะประเมินว่าขณะนี้เงินเฟ้อกำลังมุ่งสู่เป้าหมาย 2% ของ BOJ แต่ยังคง "ต่ำกว่าเล็กน้อย" อุเอดะคาดว่าเงินเฟ้อที่แท้จริงจะค่อย ๆ ขยับไปถึงเป้าหมายได้ในที่สุด จากการเติบโตของค่าจ้างที่ต่อเนื่อง แม้ว่าผลกระทบชั่วคราวจากราคาอาหารจะหายไปแล้วก็ตาม
ผลกระทบของราคาอาหารที่สูงขึ้นต่อเงินเฟ้อที่แท้จริงคาดว่าจะเป็นประเด็นสำคัญในการหารือในการประชุมนโยบายการเงินครั้งต่อไปของ BOJ ในวันที่ 30 เม.ย. - 1 พ.ค.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์หลายรายคาดการณ์ว่า การขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปของ BOJ อาจเกิดขึ้นในไตรมาส 3/2568 ซึ่งเป็นไปได้มากที่สุดในเดือนก.ค.