ธนาคารกลางอินโดนีเซียมีมติคงอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (reverse repurchase rate) ระยะเวลา 7 วัน ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ไว้ที่ระดับ 5.75% ในการประชุมวันนี้ (23 เม.ย.) ตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ท่ามกลางสถานการณ์ค่าเงินรูเปียห์ที่อ่อนค่าลง และความกังวลเรื่องภาษีศุลกากร
แม้ว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจจะเปิดช่องให้สามารถปรับลดดอกเบี้ยได้ แต่ธนาคารกลางอินโดนีเซียยังคงตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิมในการประชุมครั้งที่ 3 ติดต่อกัน เนื่องจากธนาคารมุ่งไปที่การสนับสนุนค่าเงินรูเปียห์ และต้องการรอดูว่ามาตรการภาษีของสหรัฐฯ จะพัฒนาไปในทิศทางใด
ทั้งนี้ เงินรูเปียห์ร่วงลงมาอยู่ที่ 16,868 รูเปียห์ต่อดอลลาร์สหรัฐเมื่อวันที่ 8 เม.ย. ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยลดลงมากกว่าในช่วงวิกฤตการเงินเอเชียเมื่อปี 2540 และการระบาดของโควิด-19 แม้ธนาคารกลางอินโดนีเซียได้เข้าแทรกแซงตลาดเพื่อรักษาเสถียรภาพของเงินรูเปียห์ แต่สกุลเงินยังคงอ่อนค่าลง เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการคลังของรัฐบาลและแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจ ประกอบกับความกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ซึ่งอินโดนีเซียถูกเรียกเก็บในอัตรา 32%
อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซียอยู่ที่ราว 5% ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ไม่รวมช่วงโควิดระบาด ขณะที่อัตราการเติบโตในปี 2567 อยู่ที่ 5.03% ซึ่งประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต ให้คำมั่นว่าจะเพิ่มตัวเลขดังกล่าวเป็น 8% ก่อนที่วาระการดำรงตำแหน่งของเขาจะสิ้นสุดลงในปี 2572