รายงานระบุว่า ยอดขายเดือนส.ค.ของ 3 บริษัทผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ซึ่งได้แก่ เจเนรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม), ฟอร์ด มอเตอร์ และไครสเลอร์ กรุ๊ป ต่างขยายตัวแตะเลขสองหลัก
ค่ายจีเอ็มซึ่งมีฐานการผลิตอยู่ในดีทรอยต์มียอดขายมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2551 ด้วยยอดขายเดือนส.ค.ในสหรัฐทั้งสิ้น 275,847 คัน เพิ่มขึ้น 14.7% เทียบรายปี โดยแบรนด์รถยนต์ของจีเอ็มทั้ง 4 แบรนด์ต่างมียอดขายเติบโตแตะเลขสองหลัก จำแนกได้เป็น ยอดขายรถยนต์บูอิค 36.9% คาดิลแลค 37.8% เชฟโลเลต 10.4% และจีเอ็มซี 14.2%
ส่วนฟอร์ดซึ่งมีฐานการผลิตอยู่ที่เดียร์บอร์นมียอดขายรถยนต์เดือนส.ค.ในสหรัฐเพิ่มขึ้น 12.2% แตะระดับ 221,270 คัน โดยมียอดขายรถบรรทุกพุ่งขึ้น 30% ยอดขายรถยนต์ 15% และรถยนต์อเนกประสงค์อีก 16%
ด้านไครสเลอร์ซึ่งมีฐานการผลิตอยู่ที่ออเบิร์น ฮิลส์ รายงานยอดขายเดือนส.ค.ที่สูงที่สุดในรอบ 6 ปี ด้วยยอดขายทั้งสิ้น 165,552 คันในสหรัฐ เพิ่มขึ้น 11.5% เทียบรายปี โดยสามารถทำสถิติยอดขายสูงสุดได้ถึง 6 รุ่นด้วยกันในเดือนส.ค.
ส่วนบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ค่ายอื่นๆอย่าง โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป มียอดขายเดือนส.ค.เป็นจำนวน 231,537 คัน เพิ่มขึ้น 22.8% เทียบรายปี ส่วนบริษัท นิสสัน มอเตอร์มียอดขายรถอยู่ที่ 120,498 คัน เพิ่มขึ้น 22.3% ขณะที่บริษัทโฟล์กสวาเกนออฟอเมริกามียอดขายเดือนส.ค.ลดลง 1.6% สู่ระดับ 40,342 คัน
ทั้งนี้ เนื่องด้วยอุปสงค์ตลาดรถยนต์ที่แข็งแกร่ง ทางจีเอ็มจึงมีแผนเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆ ซึ่งรวมถึงรถกระบะสำหรับงานหนัก พร้อมทั้งรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดใหญ่โฉมใหม่ของเชฟโรเลตและจีเอ็มซี ขณะที่ฟอร์ดได้ออกมาประกาศเพิ่มกำลังการผลิตรถยนต์เป็น 785,000 คันในไตรมาสสี่ เพิ่มขึ้น 7% หรือคิดเป็นจำนวน 50,000 คัน เทียบรายปี สำนักข่าวซินหัวรายงาน