รายงานระบุว่า ยอดขายรถยนต์และรถบรรทุกขนาดเล็กในสหรัฐอยู่ที่ 1,139,050 คันในเดือนก.ย. ลดลง 4.2% จากปีก่อนหน้า ทั้งนี้ เดือนก.ย.ปีนี้สั้นกว่าเดือนก.ย.ปีที่แล้วอยู่ 2 วัน เนื่องจากข้อมูลยอดขายเดือนส.ค.ปีนี้ขยายครอบคุลมช่วงหยุดวันแรงงาน ซึ่งตรงกับวันที่ 2 ก.ย.ในปีนี้
สำหรับยอดขายเดือนก.ย. คำนวณออกมาเป็นยอดขายรายปีได้ 15.28 ล้านคัน หลังมีการปรับค่าตามฤดูกาลแล้ว ซึ่งลดลง 810,000 คันจากเดือนก่อนหน้า และเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 5 เดือน
อย่างไรก็ดี ยอดขายรายปีดังกล่าวยังคงสูงกว่า 15 ล้านคันติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ซึ่งบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งในตลาดรถยนต์ใหม่ โดยมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
โตโยต้ามียอดขายรถยนต์ในสหรัฐลดลง 4.3% สู่ระดับ 164,457 คันในเดือนก.ย. หล่นมาอยู่ในอับดับ 3 จากอันดับ 2 ในเดือนส.ค. ขณะที่ฟอร์ด มอเตอร์ขึ้นมาแทนที่โตโยต้าด้วยการครองอันดับ 2 ในเดือนก.ย. โดยทำยอดขายได้ 184,452 คันเพิ่มขึ้น 5.7% อันเนื่องจากความต้องการที่แข็งแกร่งสำหรับรถยนต์ไฮบริด
ส่วนเจเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ครองตำแหน่งผู้นำตลาดด้วยยอดขาย 187,195 คันในเดือนก.ย. แม้ว่าลดลง 11% ขณะที่ฮอนด้า มอเตอร์มียอดขายลดลง 9.9% สู่ระดับ 105,563 คัน หล่นมาอยู่ในอันดับ 5 ทางด้านไครส์เลอร์ทำยอดขายเพิ่มขึ้น 1.4% สู่ระดับ 139,860 คัน โดยก้าวขึ้นมาอยู่ใน 4 และนิสสันอยู่ในอันดับ 6 ด้วยยอดขาย 86,868 คันในเดือนก.ย. ลดลง 5.5%
สำหรับฟูจิ เฮฟวี่ อินดรัสทรีส์ ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ยี่ห้อซูบารุนั้น เป็นผลผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นรายเดียวที่สวนกระแสผู้ผลิตรายอื่นๆ และทำยอดขายเพิ่มขึ้น 14.7% สู่ระดับ 31,756 คันจากยอดขายรถยนต์สปอร์ตอเนกประสงค์รุ่น Forester ที่แข็งแกร่ง
ขณะที่ยอดขายรถยนต์มาสด้า มอเตอร์ลดลง 6.9% สู่ระดับ 22,464 คัน และยอดขายรถยนต์มิตซูบิชิ คอร์ปลดลง 16.7% สู่ระดับ 4,001 คัน สำนักข่าวเกียวโดรายงาน