รายงานเบื้องต้นของกระทรวงระบุว่า ญี่ปุ่นมียอดส่งออกเพิ่มขึ้น 11.5% จากปีก่อน ในขณะที่ยอดนำเข้าขยายตัว 16.5%
ทั้งนี้ ยอดส่งออกในระหว่างเดือนขยายตัว 11.5% จากปีก่อน แตะที่ 5.9721 ล้านล้านเยน เพราะได้รับแรงหนุนจากการส่งออกรถยนต์ไปยังสหรัฐที่แข็งแกร่ง
การปรับตัวลงของเงินเยนซึ่งปกติจะเป็นแรงหนุนต่อการส่งออก เนื่องจากส่งผลให้สินค้าญี่ปุ่นมีราคาลดลงในต่างประเทศและส่งผลให้มีรายได้ในต่างประเทศเพิ่มขึ้นเมื่อแปลงค่าเป็นเงินเยน แต่ก็ได้ผลักดันให้ราคานำเข้าปรับตัวขึ้น โดยญี่ปุ่นต้องพึ่งพาการนำเข้าพลังงานมากกว่า 90% ของความต้องการในประเทศ
ทั้งนี้ ในระหว่างเดือนก.ย. เงินสกุลเยนปรับตัวลง 25.8% จากปีก่อนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ มาอยู่ที่เฉลี่ย 98.84 เยน/ดอลลาร์
ยอดนำเข้าในเดือนก.ย.ซึ่งขยายตัว 16.5% แตะที่ 6.9043 ล้านล้านเยน ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าแผงพลังงานแสงอาทิตย์จากจีน สมาร์ทโฟน และเสื้อผ้า
ยอดส่งออกของญี่ปุ่นไปยังจีน ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ขยายตัว 11.4% แตะที่ 1.0624 ล้านล้านเยนในเดือนก.ย. ในขณะที่ยอดนำเข้าจากจีนขยายตัว 30.9% แตะที่ 1.6824 ล้านล้านเยน
ยอดส่งออกไปยังสหภาพยุโรปขยายตัว 14.3% แตะที่ 6.455 แสนล้านเยน และยอดนำเข้าจากภูมิภาคเพิ่มขึ้น 30.7% แตะที่ 6.699 แสนล้านเยน
ยอดส่งออกไปยังสหรัฐ ซึ่งภาวะเศรษฐกิจกำลังปรับตัวดีขึ้น พุ่งขึ้น 18.8% แตะที่ 1.1094 ล้านล้านเยน ขณะที่ยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 13.8% แตะที่ 5.763 แสนล้านเยน
สำหรับระยะเวลาในช่วง 6 เดือน ยอดส่งออกของญี่ปุ่นขยายตัว 9.8% จากปีก่อน แตะที่ 35.3199 ล้านล้านเยน ในขณะที่ยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 13.9% แตะที่ 40.3091 ล้านล้านเยน สำนักข่าวเกียวโดรายงาน