ผลสำรวจชี้ผู้บริโภคสหรัฐวางแผนจับจ่ายมากขึ้นในช่วงวันหยุดนี้

ผลสำรวจความคิดเห็นเรื่องการจับจ่ายใช้สอยช่วงวันหยุดของผู้บริโภคชาวสหรัฐ ซึ่งจัดทำขึ้นเป็นปีที่ 14 โดยสมาพันธ์ผู้บริโภคอเมริกา (CFA) ร่วมกับสมาพันธ์ผู้ประกอบธุรกิจปล่อยสินเชื่อแห่งสหรัฐ (CUNA) พบว่า ผู้บริโภคที่วางแผนจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 13% จาก 12% เมื่อปี 2555 ขณะที่ผู้บริโภคซึ่งวางแผนใช้จ่ายน้อยลงได้ปรับตัวลดลงจาก 38% ในปี 2555 สู่ระดับ 32%

ผลการสำรวจดังกล่าวสอดคล้องกับแนวโน้มที่ว่า ผู้บริโภคมีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นนับตั้งแต่เมื่อปี 2554 ที่ผู้บริโภคเพียง 8% เปิดเผยว่ามีแผนใช้จ่ายมากขึ้น ขณะที่อีก 41% ระบุว่า ตนเองอาจใช้จ่ายน้อยลง

นายบิล แฮมเพล หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ CUNA กล่าวว่า "ผลการสำรวจบ่งชี้ว่า การใช้จ่ายในช่วงเทศกาลวันหยุดจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในระดับที่ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้านี้เป็นอย่างต่ำ และยังชี้ให้เห็นว่า จำนวนชาวอเมริกันที่เห็นว่าเศรษฐกิจในประเทศกำลังถดถอยนั้นได้ปรับตัวลดลง แม้ว่าจะมีประเด็นงบประมาณกลางที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ก็ตาม"

ผลการสำรวจเผยว่า ความขัดแย้งทางการเมืองในวอชิงตันเกี่ยวกับประเด็นการใช้จ่ายของรัฐบาลกลางและการกู้ยืมนั้น เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลวันหยุด โดยผู้ตอบแบบสำรวจ 51% ระบุว่า พวกเขาได้รับผลกระทบ ขณะที่อีก 18% ได้รับผลกระทบ "เป็นอย่างมาก"

ทั้งนี้ วันพฤหัสที่ 28 พ.ย.เป็นวันขอบคุณพระเจ้า ซึ่งเป็นเทศกาลที่เหล่าสมาชิกในครอบครัวชาวอเมริกันจะมารวมตัวกัน และยังเป็นการเปิดฉากเทศกาลวันหยุดที่มีการจับจ่ายใช้สอยมากที่สุดในประเทศติดต่อกันจนถึงวันปีใหม่ โดยข้อมูลจากสหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติของสหรัฐ (NRF) บ่งชี้ว่า เทศกาลดังกล่าวน่าจะมีการใช้จ่ายคิดเป็นสัดส่วน 20-40% ของยอดค้าปลีกต่อปี และราว 20% ของยอดขายต่อปีทั้งหมดในอุตสาหกรรม สำนักข่าวซินหัวรายงาน