รายงานของเฟดระบุว่า ดัชนีคำสั่งซื้อล็อตใหม่ในภาคการผลิตของเขตมิด-แอตแลนติก ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 16.8 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 10.5 ของเดือนพ.ค. ขณะที่ดัชนีการขนส่งในภาคการผลิตเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 15.5 ในเดือนมิ.ย. จากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 14.2 และดัชนีการจ้างงานในภาคการผลิตของภูมิภาคดังกล่าวปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 11.9 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 7.8 ของเดือนพ.ค.
ทั้งนี้ ดัชนีแนวโน้มธุรกิจในภาคการผลิตของเขตมิด-แอตแลนติกประจำเดือนมิ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ของวอลล์สตรีท เจอร์นัลคาดการณ์ว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 13.3 โดยดัชนีที่สูงกว่าระดับ 0 บ่งชี้ว่าธุรกิจในภาคการผลิตมีแนวโน้มขยายตัว และดัชนีที่ต่ำกว่าระดับ 0 บ่งชี้ว่าธุรกิจดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะหดตัวลง
ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับที่เฟดได้เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค.ปรับตัวขึ้น 0.6% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% และนับเป็นสัญญาณล่าสุดว่าภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐมีการฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง หลังจากปรับตัวย่ำแย่จากสภาพอากาศที่หนาวเย็นรุนแรง ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 0.2% สู่ระดับ 79.1%
ทั้งนี้ การขยายตัวอย่างยั่งยืนของภาคอุตสาหกรรมสหรัฐจะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งเผชิญกับภาวะหดตัวในช่วงไตรมาสแรก โดยเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 3 ปี ขณะที่นักวิเคราะห์คาดกันว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมจะฟื้นตัวขึ้นอย่างมากในช่วงไตรมาส 2