ส่วนในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ยอดขายรถยนต์โดยรวมปรับตัวขึ้น 4.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว แตะที่ระดับ 8,163,942 คัน ซึ่งเป็นการยอดขายในช่วงครึ่งปีแรกที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปี 2550 สะท้อนให้เห็นว่าการฟื้นตัวของตลาดรถยนต์สามารถต้นทานยอดขายที่ซบเซาลงอันเนื่องมาจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นผิดปกติซึ่งเกิดขึ้นในหลายภูมิภาคของสหรัฐในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้
เจเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ยังคงรั้งยอดขายอันดับ 1 ในตลาดสหรัฐ โดยสามารถทำยอดขายในเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 1% จากปีก่อน แตะที่ 267,461 คัน เนื่องจากจีเอ็มสามารถขายรถยนต์ให้กับลูกค้ากลุ่มธุรกิจได้เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 ซึ่งช่วยหนุนยอดขายเดือนมิ.ย.ให้ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2550
ขณะที่ฟอร์ด มอเตอร์ส ทำยอดขายเป็นอับดับ 2 ที่ระดับ 221,396 คัน เพิ่มขึ้น 5.8% โดยฟอร์ดเปิดเผยว่า แม้ยอดขายรถยนต์รุ่นต่างๆส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง แต่รถยนต์ขนาดกลางอย่าง Fusion และรถยนต์คอมแพ็ครุ่น Transit Connect มียอดขายที่แข็งแกร่งเกินคาดในเดือนมิ.ย.
ส่วนอันดับ 3 คือโตโยต้า มอเตอร์ ซึ่งมียอดขายเพิ่มขึ้น 3.3% แตะ 201,714 คัน เพราะได้แรงหนุนจากยอดขายรถยนต์ Camry และ Corolla ที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่ยอดขาย Lexus ทะยานขึ้นถึง 10%
อันดับ 4 คือไคร์สเลอร์ กรุ๊ป ทำยอดขาย 166,608 คัน เพิ่มขึ้น 9.2% และอันดับ 5 คือ ฮอนด้า มอเตอร์ มียอดขายแตะที่ 129,023 คัน ลดลง 5.8%
นิสสัน มอเตอร์ ยังคงอยู่ในอันดับ 6 ด้วยยอดขาย 109,643 คัน เพิ่มขึ้น 5.3% ทำสถิติแข็งแกร่งสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากยอดขายรถยนต์ Sentra และ Versa ปรับตัวสูงขึ้น แต่ยอดขายรถยนต์ Altima ปรับตัวลง 2.9% สำนักข่าวเกียวโดรายงาน