กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.โต 0.7% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนต.ค. โดยยอดขายเดือนต.ค.ถูกปรับทบทวนขึ้นจากรายงานก่อนหน้านี้ที่ 0.3%
รายงานระบุว่า ยอดขายสินค้าใน 11 หมวดจากทั้งหมด 13 หมวดปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยยอดขายยานยนต์เพิ่มขึ้น 1.7% ในเดือนพ.ย. ซึ่งแข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนต.ค. นอกจากนี้ ยอดขายวัสดุก่อสร้าง เสื้อผ้า และยอดขายที่ห้างสรรพสินค้าต่างปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.
หากไม่รวมยอดขายรถยนต์ที่มีความผันผวน ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 0.5% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งมากสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.
นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ยอดค้าปลีกโดยรวมจะเพิ่มขึ้น 0.4% และยอดค้าปลีกที่ไม่รวมยานยนต์ จะเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนที่แล้ว
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 5.1%
ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกเป็นส่วนสำคัญของการใช้จ่ายผู้บริโภค ซึ่งถือเป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจสหรัฐ เพราะมีสัดส่วนถึงประมาณสองในสามของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งหมด โดยการจ้างงานที่เพิ่มสูงขึ้น และราคาน้ำมันเบนซินที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี ทำให้ผู้บริโภคมีเงินจับจ่ายซื้อสินค้า นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นก็มีส่วนช่วยหนุนบรรยากาศการช็อปปิงในช่วงเทศกาลเช่นกัน