กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนมิ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกันในเดือนพ.ค.
ขณะที่ยอดขายในภาคธุรกิจ ซึ่งรวมทั้งผู้ผลิต ผู้ค้าปลีก และผู้ค้าส่ง เพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนมิ.ย. มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2556 หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย.
สัดส่วนสต็อกสินค้าคงคลังต่อยอดขาย ซึ่งเป็นมาตรวัดระยะเวลาที่สินค้าถูกระบายออกจากสต็อก อยู่ที่ 1.39 ณ สิ้นเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่แล้ว โดยขยับลงเล็กน้อยจาก 1.40 ในเดือนพ.ค.
กระทรวงพาณิชย์ยังได้เปิดเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าปลีก ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.5% และยอดขายเพิ่มขึ้น 0.9% หากไม่รวมรถยนต์ สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าปลีก เพิ่มขึ้น 0.2% สำหรับสัดส่วนสต็อกสินค้าคงคลังต่อยอดขายในภาคค้าปลีก ยังคงที่ที่ 1.50
บริษัทในภาคการผลิตและการค้าของสหรัฐได้ปรับลดสต็อกสินค้าในช่วง 5 ไตรมาสที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี การที่ยอดขายพุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบ 3 ปีครึ่งนั้นแสดงให้เห็นว่า ภาคธุรกิจมีความคืบหน้าในการลดปริมาณสินค้าที่ค้างสต็อกอยู่ ซึ่งเป็นปัจจัยถ่วงอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจมาตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยสต็อกสินค้าคงคลังนับเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ใช้ในการคำนวณจีดีพี
ทั้งนี้ โดยปกติแล้ว การที่ภาคธุรกิจเพิ่มสต็อกสินค้าคงคลังจะถือเป็นสัญญาณบวกต่อเศรษฐกิจ เนื่องจากสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้นจะมีส่วนสนับสนุนการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ