สำนักงานสถิติแห่งชาติอินโดนีเซีย (BPS) เปิดเผยว่า ยอดเกินดุลการค้าของประเทศในเดือนต.ค. อยู่ที่ 1.21 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอยู่ในระดับเกือบทรงตัวเมื่อเทียบกับยอดเกินดุลของเดือนก.ย.ซึ่งอยู่ที่ 1.22 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ยอดส่งออกในเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 4.6% แตะที่ระดับ 1.288 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบเป็นรายปี และเพิ่มขึ้น 0.88% เมื่อเทียบกับเดือนก.ย.ซึ่งมียอดส่งออกอยู่ที่ 1.256 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ยอดนำเข้าของเดือนต.ค.อยู่ที่ 1.147 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 3.27% เมื่อเทียบเป็นรายปี และเพิ่มขึ้น 1.55% เมื่อเทียบกับยอดนำเข้าของเดือนก.ย.
ส่วนยอดเกินดุลการค้าของอินโดนีเซียในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 6.92 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
นายซูฮาริยันโต ผู้อำนวยการ BPS กล่าวว่า สินค้ามีการนำเข้ามากที่สุดได้แก่ เครื่องจักรกลและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยมียอดนำเข้ามากถึง 80.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ ยอดเกินดุลการค้าซึ่งอยู่ในระดับที่ดีนั้น คาดว่าจะช่วยให้อินโดนีเซียสามารถรักษาดุลการค้าอยู่ในระดับที่ยั่งยืน และคาดว่าสกุลเงินรูเปียห์จะแข็งค่าขึ้น เนื่องจากความเป็นไปได้ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้นี้ สำนักข่าวซินหัวรายงาน