สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกในกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโรปรับตัวขึ้น 1.1% ในเดือนต.ค. หลังจากที่ลดลง 0.4% ในเดือนก.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.9%
ยอดขายอาหารปรับตัวขึ้น 0.2% จากเดือนก่อนหน้า ขณะที่ยอดขายน้ำมันเชื้อเพลิงลดลง ส่วนยอดขายสินค้าที่ไม่ใช่อาหารเพิ่มขึ้น 2.3% หลังจากที่ลดลง 1.2% ในเดือนก่อนหน้า
หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 2.4% ซึ่งสูงกว่าเดือนก.ย.ที่เพิ่มขึ้น 1.0% และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 1.7%
ยอดขายอาหารเพิ่มขึ้น 2.1% จากปีก่อน ขณะที่ยอดขายน้ำมันเชื้อเพลิงชะลอตัว 0.7% ด้านยอดขายสินค้าที่ไม่ใช่อาหารเพิ่มขึ้น 3.3% เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่ขยับขึ้นเพียง 0.3% ในเดือนก.ย.
ทั้งนี้ นอกจากเป็นการปรับฐานขึ้นจากที่อ่อนแรงในเดือนก.ย.แล้ว อุปสงค์ที่แข็งแกร่งก็เป็นปัจจัยหนุนให้ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน นำโดยยอดขายที่คึกคักในเยอรมนี
โดยรวมแล้ว ยอดค้าปลีกยูโรโซนเหนือกว่าเมื่อช่วงก่อนเกิดวิกฤตการเงินโลกปี 2551 อย่างมาก โดยความเชื่อมั่นผู้บริโภคและการว่างงานที่ลดลงจะเป็นปัจจัยสนับสนุนอุปสงค์ในระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของยอดค้าปลีกยูโรโซนนั้นยังนำโดยเยอรมนีเป็นหลัก ขณะที่ยอดขายในประเทศสมาชิกอื่นๆยังคงซบเซา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในวงกว้าง นอกจากนี้ยังมีความวิตกกังวลว่า ผลการลงประชามติของอิตาลีอาจเป็นชนวนเหตุให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคตกต่ำลงอีกครั้ง