รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของญี่ปุ่นหดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน ในเดือนม.ค. โดยได้รับแรงกดดันจากยอดขาดดุลการค้าที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้น
ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรวัดที่กว้างที่สุดเกี่ยวกับการค้าต่างประเทศนั้น อยู่ที่ 6.55 หมื่นล้านเยน (575 พันล้านดอลลาร์) ในเดือนม.ค. โดยญี่ปุ่นยังคงมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดติดต่อกันเป็นเดือนที่ 31
รายงานเบื้อต้นของกระทรวงการคลัง ระบุว่า ญี่ปุ่นมียอดขาดดุลการค้า 8.534 แสนล้านเยน เนื่องจากมูลค่านำเข้าเพิ่มมากกว่ามูลค่าการส่งออก อย่างไรก็ดี เชื่อว่ามีการส่งออกสินค้าเป็นจำนวนมากในช่วงเทศกาลตรุษจีนเมื่อปลายเดือนม.ค.
มูลค่าการนำเข้าน้ำมันดิบของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 35.7% ในเดือนม.ค. ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น 44.3% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา สู่ระดับ 53.30 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนมูลค่าการนำเข้าถ่านหินเพิ่มขึ้น 52.3%
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นต้องพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันดิบเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะหลังเกิดภัยพิบัติโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในฟุกุชิมะเมื่อปี 2554 ซึ่งส่งผลให้โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชิงพาณิชย์เกือบทุกแห่งในประเทศต้องปิดการดำเนินการลง สำนักข่าวเกียวโดรายงาน