รัฐบาลญี่ปุ่นรายงานในวันนี้ว่า ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนเม.ย.แตะที่ระดับ 1.95 ล้านล้านเยน (1.8 หมื่นล้านดอลลาร์) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2550 แม้ว่ายอดเกินดุลการค้าลดลงปรับตัวลงก็ตาม
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดติดต่อกันเป็นเดือนที่ 34 โดยมียอดเกินดุลในธุรกิจการเดินทางซึ่งทำสถิติใหม่ที่ระดับ 1.779 แสนล้านเยนในเดือนเม.ย. โดยในเดือนดังกล่าวมีจำนวนผู้เดินทางเข้าประเทศมีทั้งสิ้น 2.58 ล้านคน
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าญี่ปุ่นไปประเทศเอเชียสูงขึ้น จึงส่งผลให้ญีปุ่นมียอดเกินดุลการค้าในเดือนเม.ย. แม้ว่าการเกินดุลการค้าในครั้งนี้จะถูกกดด้วยมูลค่าการนำเข้าพลังงานที่พุ่งขึ้น
สำหรับยอดนำเข้าน้ำมันดิบในเดือนเม.ย.ทะยานขึ้น 61.0% เมื่อเทียบรายปี
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีทรัพยากรจำกัด จึงต้องพึ่งพาน้ำมันดิบและทรัพยากรอื่นๆที่นำเข้าจากต่างประเทศ ในขณะที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ส่วนใหญ่ยังคงหยุดการดำเนินงาน นับตั้งแต่เกิดวิกฤตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิในปี 2554