กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว ที่ระดับ 2.6% โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3% และต่ำกว่าระดับ 3.2% ในไตรมาส 3
การชะลอตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 4 มีสาเหตุจากการลดลงของการลงทุนในสินค้าคงคลัง และการพุ่งขึ้นของตัวเลขการนำเข้าสินค้า
หาก GDP ของสหรัฐมีการขยายตัว 3% ในไตรมาส 4 ตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ก็จะเป็นครั้งแรกที่เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวไม่ต่ำกว่า 3% ติดต่อกัน 3 ไตรมาสนับตั้งแต่ปี 2558 หรือนับตั้งแต่สมัยของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ขณะที่ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ตั้งเป้าว่าจะผลักดันเศรษฐกิจสหรัฐให้มีการขยายตัวปีละ 3%
ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 1.4% ในไตรมาส 1 ของปีที่แล้ว, 3.1% ในไตรมาส 2 และ 3.2% ในไตรมาส 3
เมื่อพิจารณาทั้งปีที่แล้ว เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 2.3% หลังจากที่เติบโตเพียง 1.5% ในปี 2559
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 3% ในปีนี้ ตามเป้าหมายของรัฐบาลทรัมป์ จากปัจจัยบวกของดอลลาร์ที่อ่อนค่า และเศรษฐกิจโลกที่แข็งแกร่ง รวมทั้งแรงกระตุ้นจากมาตรการปฏิรูปภาษีของรัฐบาล
ตัวเลขการนำเข้าพุ่งขึ้น 13.9% ในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2553
การลงทุนของภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 11.4% ในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2557 และเพิ่มขึ้นจากระดับ 10.8% ในไตรมาส 3
การใช้จ่ายของรัฐบาลเพิ่มขึ้น 3% ในไตรมาส 4 สูงกว่าระดับ 0.7% ในไตรมาส 3
ส่วนการใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 3.8% ในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี หลังจากเพิ่มขึ้น 2.2% ในไตรมาส 3
อัตราการออมลดลง 3.844 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4 จากระดับ 4.783 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 ขณะที่อัตราการออมลดลงสู่ 2.6% จากระดับ 3.3%