ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองการคาดการณ์ GDPNow แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัว 5.4% ในไตรมาสแรก หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในวันนี้
หากเศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 5.4% ในไตรมาสแรกตามที่เฟดคาดการณ์ไว้ ก็จะเป็นการขยายตัวสูงสุดนับตั้งแต่ที่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่สิ้นสุดลงในปี 2552 ขณะที่เศรษฐกิจทำสถิติขยายตัวสูงสุดก่อนหน้านี้ที่ระดับ 5.2% ซึ่งทำไว้ในไตรมาส 3 ของปี 2557
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 1,000 ราย สู่ระดับ 230,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 238,000 ราย
ตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 152 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2513
ส่วนไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สำหรับภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.5 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2558 จากระดับ 55.1 ในเดือนธ.ค.
ดัชนี PMI ยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคการผลิต โดยได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของผลผลิต และคำสั่งซื้อใหม่ แตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี ขณะที่ความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจดีดตัวขึ้นเช่นกัน
นอกจากนี้ ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM ชะลอตัวสู่ระดับ 59.1 ในเดือนม.ค. จากระดับ 59.3 ในเดือนธ.ค. แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 58.5
ดัชนียังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะขยายตัวของภาคการผลิต และเป็นการขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 17 โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของคำสั่งส่งออก ขณะที่คำสั่งซื้อใหม่, การผลิตและการจ้างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ผลสำรวจบรรดากลุ่มอุตสาหกรรม 18 กลุ่มในภาคการผลิต พบว่า 14 กลุ่มมีการขยายตัวในเดือนม.ค.