ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM ลดลงสู่ระดับ 57.3 ในเดือนเม.ย. จากระดับ 59.3 ในเดือนมี.ค. ลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าดัชนีจะปรับตัวลงสู่ระดับ 58.4
แม้ดัชนีอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคการผลิตของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว แต่ก็เป็นการขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง โดยดัชนีเดือนเม.ย.ลดลงแตะระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว
ขณะที่ดัชนีราคาปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน จาก 78.1 มาอยู่ที่ 79.3 ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2554 ส่งสัญญาณว่าเงินเฟ้อกำลังปรับตัวสูงขึ้น
รายงานระบุว่า นโยบายเศรษฐกิจและการค้าของรัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของปธน.ทรัมป์นั้น สร้างทั้งแรงหนุนและแรงกดดันต่อภาคการผลิต โดยคาดว่าการลดภาษีจะช่วยกระตุ้นความต้องการในประเทศ ขณะที่ต้นทุนวัสดุกำลังปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการเพิ่มอัตราการเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม นอกจากนี้ ราคาพลังงานก็ปรับตัวอยู่ในช่วงขาขึ้นเช่นกัน