ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 2 หลังการเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่ และคำสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ลดลง
เฟดสาขานิวยอร์ก เปิดเผยว่า แบบจำลองการคาดการณ์ Nowcast แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัว 3.01% ในไตรมาส 2 โดยต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 3.20% ที่ระบุไว้เมื่อสัปดาห์ก่อน
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ลดลง 1.5% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 662,000 ยูนิต หลังจากแตะระดับ 672,000 ยูนิตในเดือนมี.ค.
ยอดขายบ้านใหม่ที่ลดลงในเดือนเม.ย. ได้รับผลกระทบจากยอดขายที่ดิ่งลงในภาคตะวันตก
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดขายบ้านใหม่จะอยู่ที่ระดับ 679,000 ยูนิตในเดือนเม.ย.
เมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 11.6% ในเดือนเม.ย.
นอกจากนี้ ราคาเฉลี่ยของบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 0.4% สู่ระดับ 312,400 ดอลลาร์ในเดือนเม.ย.เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ส่วนสต็อกบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 0.7% สู่ระดับ 300,000 ยูนิตในเดือนเม.ย.
เมื่อพิจารณายอดขายบ้าน และสต็อกบ้านในตลาด พบว่า ผู้ขายบ้านต้องใช้เวลา 5.4 เดือนในการขายบ้านจนหมดสต็อกในตลาด เพิ่มขึ้นจากระดับ 5.3 เดือนในเดือนมี.ค.
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ลดลง 1.7% ในเดือนเม.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.4% หลังจากพุ่งขึ้น 2.7% ในเดือนมี.ค.
การชะลอตัวของยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของคำสั่งซื้อเครื่องบิน
ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ พุ่งขึ้น 1.0% ในเดือนเม.ย. โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.7% หลังจากร่วงลง 0.9% ในเดือนมี.ค.
เมื่อเทียบรายปี ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานดีดตัวขึ้น 6.6% ในเดือนเม.ย.