กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่า มาตรการกระตุ้นด้านการคลังของสหรัฐ รวมทั้งมาตรการปรับลดภาษี และการเพิ่มการใช้จ่ายของรัฐบาลสหรัฐนั้น อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดภาวะเงินเฟ้อสูงเกินคาด และอาจก่อให้เกิดความผันผวนในตลาดการเงิน
คณะกรรมการบริหาร IMF กล่าวในระหว่างการแถลงการตรวจสอบนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐประจำปีเมื่อวานนี้ว่า "เมื่อพิจารณาจากวงจรธุรกิจในปัจจุบันแล้ว จุดยืนด้านนโยบายการคลังที่มีการขยายขอบข่ายมากขึ้น รวมทั้งการกระตุ้นการผลิตทั้งในสหรัฐและทั่วโลกในระยะใกล้นี้ อาจเพิ่มความเสี่ยงและความไม่แน่นอนในระยะกลาง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะก่อให้ภาะเงินเฟ้อที่สูงเกินคาด ซึ่งถือเป็นปัจจัยเสี่ยง และจะส่งผลให้ตลาดการเงินมีความผันผวน และสร้างผลกระทบในด้านลบต่อเศรษฐกิจโลกในที่สุด" พร้อมระบุว่า "ประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ที่มีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอกว่านั้น อาจเผชิญกับความเสี่ยงของกระแสเงินทุนไหลออก
IMF ประมาณการว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของสหรัฐจะดีดตัวขึ้นสูงกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งกำหนดไว้ที่ระดับ 2% ภายในช่วงกลางปีนี้ และอาจทำให้เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก หลังจากเมื่อเดือนที่แล้ว เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 1.75-2.00% พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริหาร IMF ยังได้แสดงความกังวลมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญต่อนโยบายการค้าของรัฐบาลสหรัฐว่าอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐ อีกทั้งจะส่งผลให้เกิดการตอบโต้จากประเทศคู่ค้า และทำลายระบบการค้าพหุภาคีที่เปิดกว้างและเป็นธรรม สำนักข่าวซินหัวรายงาน