กระทรวงการคลังจีนเปิดเผยวานนี้ว่า จีนมีรายได้ด้านการคลังเพิ่มขึ้น 10.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ 10.43 ล้านล้านหยวน (1.56 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในช่วงหกเดือนแรกของปีนี้ โดยชะลอลงจากที่ขยายตัว 12.2% ในช่วงเดือนม.ค.-พ.ค.ที่ผ่านมา
ในช่วงครึ่งปีแรก รัฐบาลกลางมีรายได้อยู่ที่ 4.99 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้น 13.7% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่รัฐบาลท้องถิ่นมีรายได้เพิ่มขึ้น 8% แตะที่ 5.44 ล้านล้านหยวน
ส่วนรายจ่ายในช่วงเวลาดังกล่าวเพิ่มขึ้น 7.8% แตะที่ 11.16 ล้านล้านหยวน คิดเป็น 53.2% ของแผนงบประมาณประจำปี 2561
สำหรับในเดือนมิ.ย.เพียงเดือนเดียว รายได้การคลังเพิ่มขึ้น 3.5% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว แตะ 1.77 ล้านล้านหยวน โดยรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้น 8% ขณะที่รายได้ที่ไม่ใช่ภาษีลดลง 14.9% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน
หลิว หลิว นักเศรษฐศาสตร์จากบริษัทไชน่า อินเตอร์เนชั่นแนล แคปิตอล จำกัด กล่าวว่า การขยายตัวของรายได้จากภาษีชะลอตัวลงในเดือนมิ.ย. โดยลดลงจาก 12.8% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายลดภาษีมูลค่าเพิ่มที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เศรษฐกิจที่อยู่บนรากฐานที่มั่นคงและการเพิ่มขึ้นของรายได้การคลัง ได้ส่งผลให้จีนปรับลดเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณลงสู่ระดับ 2.6% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในปี 2561 ซึ่งลดลง 0.4% จากปี 2560 และเป็นการปรับลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2556
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รัฐบาลกำหนดการขาดดุลงบประมาณไว้ที่ 2.38 ล้านล้านหยวน โดยแบ่งเป็นการขาดดุลของรัฐบาลกลาง 1.55 ล้านล้านหยวน และการขาดดุลของงบประมาณท้องถิ่น 0.83 ล้านล้านหยวน