สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยในวันนี้ว่า รายได้หลังหักภาษีเฉลี่ยต่อหัวของจีน ขยายตัว 6.6% เมื่อเทียบรายปี แตะ 14,063 หยวน (ประมาณ 2,107 ดอลลาร์สหรัฐ) ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561
รายงานระบุว่า ตัวเลขดังกล่าวคำนวณโดยพิจารณาผลกระทบด้านเงินเฟ้อแล้ว ซึ่งหากตัดผลกระทบจากเงินเฟ้อออกไป รายได้เฉลี่ยจะขยายตัว 8.7% ในช่วงเวลาเดียวกัน
ขณะเดียวกัน NBS ยังรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ได้ขยายตัว 6.8% ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
สำหรับไตรมาสสอง GDP ของจีนขยายตัว 6.7% ชะลอตัวลงเล็กน้อยจากไตรมาสแรกที่ขยายตัว 6.8% แต่ยังสูงกว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่ 6.5%
เมื่อแยกตามพื้นที่แล้ว ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ รายได้หลังหักภาษีเฉลี่ยต่อหัวเมื่อคำนวณรวมผลกระทบจากเงินเฟ้อในพื้นที่ชนบท ได้ขยายตัวมากกว่าในเขตเมือง ซึ่งบ่งชี้ว่าช่องว่างทางรายได้ระหว่างคนเมืองกับคนชนบทนั้นปรับตัวลดลง
รายได้หลังหักภาษีเฉลี่ยต่อหัวของประชากรในพื้นที่ชนบทอยู่ที่ 7,142 หยวนในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 6.8% เมื่อหักปัจจัยด้านราคา ขณะที่รายได้หลังหักภาษีเฉลี่ยต่อหัวของประชากรในพื้นที่เขตเมืองปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.8% เมื่อหักเงินเฟ้อ แตะ 19,770 หยวน
ส่วนตัวเลขแรงงานชนบทที่ทำงานนอกพื้นที่บ้านเกิดของตนเองนั้นอยู่ที่ประมาณ 180.22 ล้านคน ณ สิ้นเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ทั้งนี้ สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ทางการจีนมีเป้าหมายเพิ่มรายได้ต่อหัวของประชากรในพื้นที่ชนบทและเขตเมืองให้ได้เท่าตัวภายในปี 2563 จากระดับเมื่อปี 2553 เพื่อสร้างสังคมที่มีความเจริญรุ่งเรือง