ข้อมูลจากรัฐบาลญี่ปุ่นเผยให้เห็นว่า ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของญี่ปุ่นลดลงมากที่สุดในรอบ 21 เดือนในเดือนต.ค. เนื่องจากราคาน้ำมันนำเข้าที่ปรับตัวสูงขึ้นได้บดบังการส่งออกที่ขยายตัวขึ้น
กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 1.31 ล้านล้านเยน (1.165 หมื่นล้านดอลลาร์) ในเดือนต.ค. ลดลง 40.1% จากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งนับเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันแล้วที่ยอดเกิดดุลบัญชีเดินสะพัดลดลง และเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2550 ซึ่งในตอนนั้น ยอดเกินดุลดิ่งหนักถึง 88.9%
อย่างไรก็ดี ญี่ปุ่นยังคงมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นเดือนที่ 52 ติดต่อกัน โดยได้รับแรงหนุนจากรายได้จากการลงทุนต่างประเทศ
รายงานเบื้องต้นระบุว่า ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นและก๊าซธรรมชาติเหลวนำเข้าที่ปรับตัวขึ้น ส่งผลให้ยอดนำเข้าของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 20.5% จากปีที่แล้ว สู่ระดับ 7.41 ล้านล้านเยนในเดือนนี้
ด้านยอดส่งออกอยู่ที่ 7.09 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้น 7.7% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยได้แรงหนุนจากการส่งออกรถยนต์ เครื่องยนด์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เซมิคอนดักเตอร์
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้แรงหนุนจากรายได้ที่แข็งแกร่งจากการลงทุนต่างประเทศ