สำนักงบประมาณแห่งรัฐสภาสหรัฐ(CBO) คาดการณ์ว่า ผลกระทบจากการที่หน่วยงานสหรัฐถูกปิดทำการชั่วคราวเนื่องจากขาดงบประมาณ หรือชัตดาวน์ จะฉุดตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่แท้จริงของสหรัฐ ลงราว 0.4% ในไตรมาสแรกปีนี้
"การชัตดาวน์จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เนื่องจากสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้การใช้จ่ายด้านสินค้าและการบริการของรัฐบาลกลางของล่าช้าออกไป อีกทั้งทำให้อุปสงค์โดยรวมชะลอตัวลงด้วย" CBO ระบุในแถลงการณ์
ทั้งนี้ สหรัฐเผชิญกับสถานการณ์ชัตดาวน์เป็นเวลานานถึง 35 วัน ซึ่งยาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยแม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานของรัฐบาลกลับมาเปิดดำเนินงานอีกครั้งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และทำให้ลูกจ้างของรัฐบาลราว 800,000 คนกลับมาทำงานตามปกติ แต่สถานการณ์ดังกล่าวก็ยังคงไม่แน่นอน เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับผู้นำสภาคองเกรสในประเด็นการจัดสรรงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก
อย่างไรก็ดี CBO คาดการณ์ว่า หากการใช้จ่ายของรัฐบาลกลางดีดตัวขึ้นหลังจากที่หน่วยงานของรัฐบาลได้รับงบประมาณในช่วงปลายเดือนม.ค. ก็จะมีส่วนช่วยหนุนตัวเลข GDP ที่แท้จริงให้ปรับตัวขึ้นราว 1.0% ในไตรมาส 2 ปีนี้ และจะช่วยจำกัดผลกระทบด้านลบที่มีต่อตัวเลข GDP ตลอดปี 2562 ด้วยเช่นกัน