กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดประจำปีงบประมาณ 2561 ปรับตัวลงสู่ระดับ 19.41 ล้านล้านเยน (ประมาณ 1.7731 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 5 ปี เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนได้จำกัดการขยายตัวของการส่งออกญี่ปุ่น และราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นเป็นปัจจัยหนุนการนำเข้า
รายงานเบื้องต้นของกระทรวงการคลังญี่ปุ่นระบุว่า ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัด ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรวัดการค้าระหว่างประเทศที่กว้างที่สุดนั้น ปรับตัวลง 12.4% ในปีงบประมาณ 2561 ซึ่งสิ้นสุดเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา
รายงานระบุว่า ยอดเกินดุลการค้าสินค้าของญี่ปุ่นในปีงบประมาณ 2561 ทรุดตัวลง 84.4% สู่ระดับ 7.068 แสนล้านเยน เนื่องจากการขยายตัวของยอดส่งออกชะลอตัวลง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวได้กลายมาเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดร่วงลง
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ข้อพิพาทการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างสหรัฐและจีนนั้น คาดว่าจะยังคงสร้างแรงกดดันต่อการส่งออกของญี่ปุ่น โดยข้อมูลล่าสุดระบุว่า ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในเดือนมี.ค.ร่วงลงกว่า 10% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ทั้งนี้ ยอดส่งออกในปีงบประมาณ 2561 ขยายตัว 2.6% สู่ระดับ 80.32 ล้านล้านเยน ซึ่งชะลอตัวลงจากในปีงบประมาณ 2560 ที่มีการขยายตัว 10.6% อันเนื่องมาจากยอดส่งออกไปยังประเทศจีนลดลง
ส่วนยอดนำเข้าในปีงบประมาณ 2561 ขยายตัว 8% สู่ระดับ 79.61 ล้านล้านเยน โดยได้แรงหนุนจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งรวมถึงน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติเหลว