สำนักงานสถิติแห่งชาติอินโดนีเซียเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดส่งออกเดือนเม.ย.ร่วงลง 13.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่ยอดนำเข้าเดือนเม.ย.ลดลง 6.6% เมื่อเทียบรายปี ส่งผลให้อินโดนีเซียมียอดขาดดุลการค้าพุ่งขึ้นแตะระดับ 2.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นตัวเลขขาดดุลสูงสุดนับตั้งแต่สำนักงานสถิติได้เริ่มรวบรวมข้อมูลในช่วงปลายทศวรรษที่ 1950
ข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่า การขาดดุลการค้าจำนวนมากนั้น ทำให้อินโดนีเซียเผชิญกับความยากลำบากในการจัดการกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง รวมทั้งผลกระทบจากสถานการณ์ตึงเครียดทางการค้าทั่วโลก
ทั้งนี้ อินโดนีเซียเป็นผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์รายใหญ่ของโลก เช่น น้ำมันปาล์ม และ ถ่านหิน โดยราคาสินค้าเหล่านี้ได้ร่วงลงในปีนี้ ขณะที่ข้อพิพาทการค้าทั่วโลกได้ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของ GDP โลก