ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2562 ลงสู่ระดับ 2.6% ซึ่งลดลง 0.3% จากที่คาดการณ์ไว้ในเดือนม.ค.ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 2.9% เนื่องจากผลกระทบของข้อพิพาทการค้า ภาวะตึงตัวด้านการเงินที่เกิดขึ้นทั่วโลก และการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศขนาดใหญ่
ส่วนในปี 2563 นั้น ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกจะอยู่ที่ระดับ 2.7%
ธนาคารโลกได้เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวในรายงาน "Global Economic Prospects" ซึ่งเป็นรายงานรอบครึ่งปีของธนาคารโลก โดยระบุว่า "เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนด้านนโยบาย ซึ่งรวมถึงข้อพิพาทการค้าที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นระหว่างประเทศรายใหญ่หลายแห่ง การชะลอตัวด้านการลงทุนทั่วโลก และความเชื่อมั่นที่ลดน้อยลง"
นายเดวิด มัลพาสส์ ประธานธนาคารโลกเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวผ่านการประชุมทางไกลซึ่งจัดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันอังคารตามเวลาสหรัฐว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโลกทั้งในระยะยาวและระยะสั้น กำลังเผชิญกับอุปสรรคหลายด้าน ส่วนความเสี่ยงที่อาจทำให้เศรษฐกิจโลกเผชิญภาวะขาลงนั้น ได้แก่ กำแพงการค้าที่สูงขึ้น หนี้สินของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น และการชะลอตัวลงอย่างมากของประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ธนาคารโลกได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของการค้าทั่วโลกในปี 2562 ลงสู่ระดับ 2.6% ซึ่งเป็นระดับที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินโลก
ทางด้านนายอัยฮาน โคส ผู้อำนวยการฝ่ายจัดทำรายงานดังกล่าวของธนาคารโลก เปิดเผยในการประชุมทางไกลว่า ตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2563 ที่ระดับ 2.7% นั้น อาจถูกปรับลดลง หากความตึงเครียดด้านการค้าทวีความรุนแรงมากขึ้น
ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า การขยายตัวของประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่และกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา จะลงมาอยู่ที่ระดับ 4% ในปี 2562 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี ขณะที่หลายประเทศกำลังรับมือกับผลกระทบของภาวะตึงตัวด้านการเงินและความไม่แน่นอนด้านนโยบาย อย่างไรก็ตาม คาดว่าการขยายตัวของประเทศเหล่านี้จะดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 4.6% ในปี 2563
นอกจากนี้ ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วจะลดลงสู่ระดับ 1.7% ในปี 2562 โดยคาดว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะขยายตัวที่ระดับ 1.2% ขณะที่การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 2.5% ในปี 2562 และจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1.7% ในปี 2563
ส่วนเศรษฐกิจจีนนั้น ธนาคารโลกได้คงตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวในปีนี้เอาไว้ที่ระดับ 6.2%