ที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) เปิดเผยรายงานการลงทุนทั่วโลกปี 2562 ระบุว่า การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ลดลง 13% ในปี 2561 สู่ระดับ 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ จากปี 2560 โดยลดลงเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน
รายงานระบุว่า การลดลงของ FDI ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการที่บริษัทข้ามชาติของสหรัฐโอนเงินรายได้จากต่างประเทศกลับสู่สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ในปี 2562 นั้น คาดว่า FDI จะฟื้นตัวขึ้นในประเทศที่พัฒนาแล้ว เนื่องจากผลกระทบจากการปฏิรูปภาษีของสหรัฐได้ลดน้อยลง
ประเทศที่พัฒนาแล้วได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการโอนย้ายผลประกอบการกลับประเทศ โดย FDI ร่วงลงราว 25% แตะ 5.57 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2547
นายมูคิซา คิตูยิ เลขาธิการ UNCTAD กล่าวในการแถลงข่าวว่า "FDI ยังคงอยู่ที่ระดับต่ำหลังเกิดวิกฤติ ซึ่งไม่เป็นผลดีกับการที่ UNCTAD สัญญาที่จะจัดการกับความท้าทายเร่งด่วนทั่วโลก อาทิ ความยากจน และวิกฤติสภาพอากาศ
"ภูมิศาสตร์การเมือง และความตึงเครียดทางการค้า เป็นความเสี่ยงที่จะยังคงถ่วง FDI ลงในปี 2562 และในปีต่อๆ ไป" เขากล่าว
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ปริมาณ FDI ที่ไหลเข้าสู่จีน เพิ่มขึ้น 4% ในปี 2561 สู่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 1.39 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 10% ของปริมาณ FDI ทั้งหมดทั่วโลก
ทั้งนี้ แม้ FDI ลดลง แต่สหรัฐก็ยังคงเป็นประเทศที่รับ FDI รายใหญ่ที่สุด รองลงมาได้แก่ จีน และ สิงคโปร์