กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของญี่ปุ่นร่วงลง 15.8% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ 1.59 ล้านล้านเยน (1.465 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เนื่องจากมียอดส่งออกไปจีนลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากข้อพิพาทการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ
รายงานเบื้องต้นของกระทรวงการคลังญี่ปุ่นระบุว่า ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัด ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรวัดการค้าระหว่างประเทศที่กว้างที่สุดนั้น ได้ปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน อย่างไรก็ดี ญี่ปุ่นยังคงทำสถิติเกินดุลติดต่อกันเป็นเดือนที่ 59
อย่างไรก็ดี แม้ในเดือนพ.ค.ญี่ปุ่นจะมียอดขาดดุลการค้าอยู่ที่ 6.509 แสนล้านเยน ท่ามกลางความซบเซาของการส่งออกสินค้าไปยังจีนและเกาหลีใต้ แต่กลับมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐเพิ่มมากขึ้นในเดือนดังกล่าว
ยอดส่งออกของเดือนพ.ค.ลดจากปีที่แล้วลง 6.3% สู่ระดับ 5.92 ล้านล้านเยน เนื่องจากความต้องการวัสดุในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์จากจีนและเกาหลีใต้ รวมถึงส่วนประกอบชิ้นส่วนรถยนต์จากจีนได้ชะลอตัวลง
ส่วนยอดนำเข้าลดลง 0.9% แตะที่ 6.57 ล้านล้านเยน จากการลดจำนวนการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ยอดเกินบัญชีเดินสะพัดที่ดำเนินมาอย่างยาวนานของญี่ปุ่นเริ่มเข้าสู่สถานการณ์ที่ดีขึ้น โดยได้แรงหนุนจากรายได้ที่แข็งแกร่งของการลงทุนต่างชาติ ซึ่งสะท้อนถึงผลตอบแทนของการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งมียอดเกิดดุลอยู่ที่ 2.26 ล้านล้านเยน ลดลง 5.9%