ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานในวันนี้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐลดลง 0.4% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. หรือในรอบห้าเดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงเพียง 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งในเดือนส.ค.
ขณะที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค. ถูกปรับทบทวนเป็นเพิ่มขึ้น 0.8% จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 0.6%
ทั้งนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวม เป็นการวัดการปรับตัวของภาคโรงงาน เหมืองแร่ และสาธารณูปโภค ซึ่งการปรับตัวลงของการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมในเดือนก.ย.นั้น เป็นผลมาจากการหดตัวของผลผลิตทั้งจากภาคโรงงานและภาคเหมืองแร่ มีเพียงภาคสาธารณูปโภคเท่านั้นที่มีการผลิตเพิ่มขึ้น โดยได้แรงหนุนจากปัจจัยสภาพอากาศ
รายงานระบุว่า การผลิตของภาคโรงงาน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนขนาดใหญ่ที่สุดในการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวม ลดลง 0.5% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการลดลงเป็นครั้งที่สองในรอบสามเดือน โดยมีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากผลผลิตรถยนต์ที่ลดลง อันเนื่องมาจากการหยุดงานประท้วงของสหภาพแรงงานบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ซึ่งหากไม่รวมผลผลิตรถยนต์ การผลิตของโรงงานผลิตเดือนก.ย. จะลดลง 0.2%
ส่วนผลผลิตภาคเหมืองแร่ร่วงลง 1.3%
นอกจากนี้ เฟดยังได้เปิดเผยด้วยว่า อัตราการใช้กำลังการผลิตร่วงลงสู่ระดับ 77.5% ในเดือนก.ย. จากระดับ 77.9% ในเดือนส.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 77.7%