กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องจากการนำเข้าสินค้าปรับตัวลดลงเร็วกว่าการส่งออก โดยมีสาเหตุจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลง และความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐที่ยืดเยื้อ
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า กระทรวงการคลังได้ระบุในรายงานเบื้องต้นว่า ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนต.ค.อยู่ที่ระดับ 1.82 ล้านล้านเยน (1.7 หมื่นล้านดอลลาร์) ทำสถิติเกินดุลติดต่อกันเป็นเดือนที่ 64 ชณะที่ยอดเกินดุลการค้าสินค้าอยู่ที่ระดับ 2.54 แสนล้านเยน เมื่อเทียบกับยอดขาดดุลการค้าที่ 3.207 แสนล้านเยนเมื่อปีที่แล้ว
ด้านการส่งออกนั้น ร่วงลง 7.9% แตะที่ระดับ 6.54 ล้านล้านเยน เนื่องมาจากอุปสงค์ในภาคยานยนต์และผลิตภัณฑ์เหล็กในสหรัฐและจีนที่ปรับตัวลดลง ขณะที่การนำเข้าร่วงลง 15.3% แตะระดับ 6.29 ล้านล้านเยน ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงและอุปสงค์สำหรับน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่ชะลอตัวลง
ส่วนรายได้ปฐมภูมิ (primary income) ซึ่งสะท้อนถึงรายได้จากการลงทุนในต่างประเทศ ปรับตัวลดลง 13.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แตะที่ระดับ 1.78 ล้านล้านเยน สะท้อนให้เห็นถึงผลกำไรที่ลดลงจากบริษัทย่อยของบริษัทญี่ปุ่นในต่างประเทศ
ในส่วนของบริการการค้า รวมไปถึงการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร มียอดขาดดุลอยู่ที่ 9.95 หมื่นล้านเยน ซึ่งปรับตัวลดลงจากระดับ 2.386 แสนล้านเยนในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว