ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจหรือ "Beige Book" ในวันพุธตามเวลาสหรัฐ โดยระบุว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วทุกภูมิภาคของสหรัฐ "หดตัวลงอย่างรุนแรงและฉับพลัน"
"ธุรกิจด้านสันทนาการและโรงแรม รวมถึงธุรกิจค้าปลีกยกเว้นสินค้าที่จำเป็นนั้น ได้รับผลกระทบหนักที่สุด เนื่องจากรัฐบาลประกาศใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม และสั่งปิดธุรกิจ" เฟดเปิดเผยในรายงาน Beige Book หรือรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจใน 12 เขตซึ่งจัดทำขึ้นก่อนวันที่ 6 เม.ย.
"เฟดทุกเขตรายงานว่า ธุรกิจในหลายภาคส่วนเผชิญกับความไม่แน่นอนที่สูงมาก และส่วนใหญ่คาดว่า ภาวะทางธุรกิจจะเลวร้ายลงอีกในช่วงหลายเดือนข้างหน้า"
รายงานดังกล่าวยังระบุด้วยว่า การจ้างงานลดลงในทุกเขต เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อบริษัทต่างๆ ในหลายภาคส่วน
"ธุรกิจสันทนาการและโรงแรม รวมถึงธุรกิจค้าปลีกมีการปรับลดการจ้างงานมากที่สุด โดยเขตส่วนใหญ่รายงานว่า ธุรกิจได้ถูกสั่งปิดเป็นวงกว้าง และความต้องการใช้บริการทรุดตัวลงอย่างหนัก ขณะที่ภาคการผลิตและพลังงานก็มีการปรับลดการจ้างงานจำนวนมากเช่นกัน" รายงานของเฟดระบุ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การเปิดเผยรายงาน Beige Book ของเฟดมีขึ้น หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ยอดค้าปลีกทรุดตัวลง 8.7% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการดิ่งลงหนักที่สุดนับตั้งแต่ที่รัฐบาลเริ่มมีการเก็บรวบรวมข้อมูลดังกล่าวตั้งแต่ปี 2535 และย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะร่วงลง 8.0% หลังจากลดลง 0.4% ในเดือนก.พ. โดยยอดค้าปลีกได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้มีการปิดร้านค้า ขณะที่ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน และลดการใช้จ่าย รวมทั้งลดการเดินทาง ซึ่งทำให้ยอดขายของสถานีบริการน้ำมันดิ่งลง
ทั้งนี้ การเผยแพร่รายงาน Beige Book มีขึ้นก่อนที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) จะจัดการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 28-29 เม.ย.นี้