ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในเดือนเม.ย.ของญี่ปุ่นร่วงลง 84.2% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ส่งผลให้การส่งออกและการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติดิ่งลงอย่างหนัก
กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนเม.ย. อยู่ที่ระดับ 2.627 แสนล้านเยน (2.4 พันล้านดอลลาร์) ทำสถิติเกินดุลติดต่อกันเป็นเดือนที่ 70 แต่เป็นยอดเกินดุลที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2560
ยอดส่งออกปรับตัวลง 23% แตะที่ 4.91 ล้านล้านเยน โดยได้รับผลกระทบจากยอดส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ไปยังสหรัฐที่ร่วงลงอันเนื่องมาจากการล็อกดาวน์เพื่อคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19
ส่วนยอดนำเข้าปรับตัวลง 9.5% แตะที่ 5.88 ล้านล้านเยน หลังราคาน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์พลังงานอื่น ๆ ร่วงลง
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ญี่ปุ่นมียอดขาดดุลการค้าสินค้า 9.665 แสนล้านเยน ซึ่งเป็นการขาดดุลครั้งแรกในรอบ 3 เดือน
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า รายงานเบื้องต้นของกระทรวงการคลังระบุด้วยว่า ในส่วนของดุลการท่องเที่ยว ซึ่งสะท้อนจำนวนเงินที่นักท่องเที่ยวต่างชาติใช้ในญี่ปุ่นเทียบกับจำนวนเงินที่นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นใช้ในต่างประเทศนั้น ญี่ปุ่นมียอดเกินดุล 2.25 หมื่นล้านเยน ร่วงลง 91.8% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้ข้อกำหนดการเดินทางที่เข้มงวดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19