สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) รายงานในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปี 2563 ของอังกฤษหดตัวลง 9.9% ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ ONS เริ่มบันทึกข้อมูล เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ตัวเลข GDP ปี 2563 ที่หดตัวลง 9.9% นั้น ยังรุนแรงกว่าในปี 2552 ซึ่งเป็นปีหลังเกิดวิกฤตการเงินโลกถึง 2 เท่า
ส่วน GDP ของอังกฤษในไตรมาส 4/2563 ขยายตัวเพียง 1% เนื่องจากเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 อีกครั้ง
ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ระบุว่า นับจนถึงช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 12 ก.พ. อังกฤษมียอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 4 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 115,000 ราย
อังกฤษยังคงอยู่ในช่วงการล็อกดาวน์ทั่วประเทศเป็นครั้งที่ 3 นับตั้งแต่โควิด-19 ระบาดในประเทศ ขณะที่นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันเรียกร้องให้ประชาชนอังกฤษราว 2 ล้านคนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงเข้ารับการฉีดวัคซีน นอกจากนี้ อังกฤษยังเผชิญกับวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่อีกด้วย
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ที่พบในอังกฤษ และขณะนี้มีการแพร่ระบาดในกว่า 50 ประเทศนั้น จะกลายเป็นไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์หลักของโลก
"ไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ได้ครองอังกฤษ และมีความเป็นไปได้ที่จะครองโลก" ศจ.ชารอน พีค็อก ผู้อำนวยการของศูนย์วิจัยพันธุกรรมโควิด-19 ของอังกฤษ กล่าว
ศูนย์วิจัยพันธุกรรมโควิด-19 ได้ตั้งขึ้นในเดือนเม.ย.2563 และขณะนี้ทางศูนย์ได้ติดตามตัวอย่างสายพันธุ์ไวรัสโควิด-19 มากกว่า 250,000 ตัวอย่าง
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยพันธุกรรมโควิด-19 ได้ตรวจพบไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อังกฤษ หรือ "B1.1.7" ที่เมืองเคนท์ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษ ในเดือนก.ย.2563 และพบว่าไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าวมีการแพร่ระบาดเร็วกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมถึง 70%