รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยผลสำรวจในวันนี้บ่งชี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของบริษัทญี่ปุ่นขนาดใหญ่ในไตรมาส 1/2564 ติดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ไตรมาส หลังจากรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อสกัดกั้นโรคโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา
ผลสำรวจที่กระทรวงการคลังจัดทำขึ้นร่วมกับสำนักนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของบริษัทในกลุ่มดังกล่าวอยู่ที่ระดับ -4.5 ลดลงจากระดับ +11.6 ในไตรมาส 4/2563 ทั้งนี้ บริษัทขนาดใหญ่นั้นได้แก่บริษัทที่มีทุนจดทะเบียนตั้งแต่ 1 พันล้านเยน (9.2 ล้านดอลลาร์) ขึ้นไป
ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงผลกระทบจากการประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นครั้งที่ 2 ในกรุงโตเกียวเมื่อต้นเดือนม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อสกัดกั้นโรคโควิด-19 ที่ระบาดรอบใหม่ โดยในขณะนั้นรัฐบาลได้ขอให้ร้านอาหารและผับบาร์ปิดให้บริการเร็วกว่ากำหนด รวมทั้งขอความร่วมมือให้ประชาชนงดออกนอกบ้านโดยไม่จำเป็น
ก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่นได้ประกาศภาวะฉุกเฉินใน 11 จังหวัด ก่อนจะทยอยยกเลิกไปเมื่อไม่นานนี้ โดยในขณะนี้ มีเพียงกรุงโตเกียวแห่งเดียวที่ยังคงอยู่ภายใต้ภาวะฉุกเฉิน ซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันที่ 21 มี.ค.นี้
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตอยู่ที่ระดับ +1.6 ลดลงจากระดับ +21.6 ในไตรมาส 4/2563 แต่ยังคงรักษาระดับบวกได้ต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในภาคบริการอยู่ที่ระดับ -7.4 ดิ่งลงจากระดับ +6.7 และเป็นระดับติดลบครั้งแรกในรอบ 3 ไตรมาส
กระทรวงการคลังเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า "ธุรกิจบริการมีลูกค้ามาใช้บริการน้อยลง เนื่องจากประชาชนงดออกนอกบ้านจากการประกาศภาวะฉุกเฉิน"
ขณะที่ธุรกิจขนาดเล็กได้รับผลกระทบที่รุนแรงกว่า โดยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นในกลุ่มบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 10 ล้านเยนขึ้นไปแต่ไม่เกิน 100 ล้านเยนนั้น ลดลงมาอยู่ที่ -31.4 จากระดับ -15.5 ในไตรมาส 4/2563 ซึ่งเป็นการปรับลดลงครั้งแรกในรอบ 3 ไตรมาส และติดลบต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 28
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางลดลงมาอยู่ที่ -15.2 จากระดับ +5.5 ในไตรมาส 4/2563 โดยธุรกิจในกลุ่มนี้มีทุนจดทะเบียนอยู่ระหว่าง 100 ล้านถึง 1 พันล้านเยน
สำหรับการคาดการณ์ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจในกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ในช่วงไตรมาสที่ 2/2564 อยู่ที่ +2.5 และอยู่ที่ +7.1 ในไตรมาส 3/2564
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ผลสำรวจดังกล่าวเป็นการสำรวจความเห็นของบริษัทจำนวน 13,969 แห่ง โดยมีบริษัทผู้ตอบแบบสำรวจรวมทั้งสิ้น 10,912 แห่ง หรือคิดเป็น 78.1% ภายในวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา