ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยในวันนี้ว่า ภาคครัวเรือนญี่ปุ่นถือครองสินทรัพย์เพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 1,948 ล้านล้านเยน (18 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) ณ สิ้นเดือนธ.ค. 2563 เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ประชาชนลดการใช้จ่าย และหันมาเพิ่มการสำรองเงินสดในครัวเรือน
รายงานรายไตรมาสของ BOJ ระบุว่า สินทรัพย์ในรูปเงินสดและเงินฝากของภาคครัวเรือน เพิ่มขึ้น 4.8% แตะที่ 1,056 ล้านล้านเยน ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วน 54.2% ของสินทรัพย์ทั้งหมดที่ถือครองโดยภาคครัวเรือนญี่ปุ่น
สำหรับปัจจัยที่ทำให้ภาคครัวเรือนถือครองสินทรัพย์เพิ่มขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลออกโครงการแจกเงินสด 100,000 เยนให้กับประชาชนทุกคนทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและกิจกรรมทางธุรกิจผ่านทางการสนับสนุนการอุปโภคบริโภคของภาคเอกชน
ส่วนสินทรัพย์ในรูปหลักทรัพย์ที่ภาคครัวเรือนถือครองนั้น ปรับตัวขึ้น 0.7% แตะที่ 198 ล้านล้านเยนหลังจากที่ปรับตัวลงติดต่อกัน 3 ไตรมาส เนื่องจากตลาดหุ้นทรุดตัวลงจากผลกระทบของโรคโควิด-19 ที่แพร่ระบาด ซึ่งสร้างความเสียหายต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลก
รายงานของ BOJ ยังระบุด้วยว่า สินทรัพย์ที่ถือครองโดยบริษัทเอกชนปรับตัวขึ้น 6.2% แตะที่ 1,275 ล้านล้านเยน ขณะที่ยอดการปล่อยกู้ที่สถาบันการเงินอนุมัติให้กับบริษัทนอกภาคการเงิน ปรับตัวขึ้น 8.2% แตะที่ 356 ล้านล้านเยน
นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า BOJ ถือครองพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 10.3% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 545 ล้านล้านเยน ขณะที่นักลงทุนต่างชาติถือครองพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 11.6% แตะที่ 163 ล้านล้านเยน