กระทรวงพาณิชย์ญี่ปุ่นปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดค้าปลีกของญี่ปุ่นปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันในเดือนก.พ. เนื่องจากภาคครัวเรือนยังคงระมัดระวังการใช้จ่ายในช่วงที่รัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงเปราะบาง หลังจากที่ทรุดตัวลงอย่างหนักในปีที่แล้ว
ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกของญี่ปุ่นลดลง 1.5% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 หลังจากที่ลดลง 2.4% ในเดือนม.ค. และลดลง 0.2% ในเดือนธ.ค. อย่างไรก็ดี ยอดค้าปลีกเดือนก.พ.ปรับตัวลงน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะร่วงลง 2.8%
ข้อมูลของกระทรวงฯแสดงให้เห็นว่า สาเหตุที่ทำให้ยอดค้าปลีกปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องนั้น มาจากการชะลอตัวของการใช้จ่ายในสินค้าประเภทเสื้อผ้า อุปกรณ์อาบน้ำ และสินค้าทั่วไป
นายอัทสึชิ ทาเคดะ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของสถาบันอิโตชู อีโคโนมิกส์ รีเสิร์ช อินสติติวท์กล่าวว่า "การที่โควิด-19 ยังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การที่เสื้อผ้าขายไม่ได้เพราะประชาชนไม่ออกไปข้างนอก และประชาชนส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะซื้อสินค้าที่ซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้บ้านมากกว่าการเดินเข้าอาคารพาณิชย์" นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะหดตัวอย่างรุนแรงในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ เนื่องจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ลดน้อยลงและการส่งออกที่อ่อนแอ ซึ่งถือเป็นความท้าทายของคณะรัฐบาลญี่ปุ่น แม้ว่าทางรัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในช่วงที่ผ่านมาแล้วก็ตาม