ยอดขายรถยนต์ในสหรัฐเพิ่มขึ้นกว่า 11% ในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยยอดขายในเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ข้อมูลจาก Edmunds.com แสดงให้เห็นว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 มียอดจำหน่ายรถในสหรัฐมากกว่า 3.9 ล้านคัน โดยบริษัทรายใหญ่หลายแห่งรายงานว่า ยอดขายในเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวเมื่อเทียบรายปี
ยอดขายรถยนต์ฮอนด้าเพิ่มขึ้น 93% ในเดือนมี.ค. ขณะที่โตโยต้ามียอดขายเพิ่มขึ้น 87%
ส่วนยอดขายของฮุนได-เกียเพิ่มขึ้น 78%, ของนิสสันเพิ่มขึ้น 65%, ของเจเนอรัล มอเตอร์เพิ่มขึ้น 46%, ของเฟียต ไครสเลอร์ (ปัจจุบันชื่อสเตลแลนติส) เพิ่มขึ้น 45% และของฟอร์ดเพิ่มขึ้น 26%
เควิน โรเบิร์ต ผู้อำนวยการข้อมูลเชิงลึกของอุตสาหกรรมรถยนต์จาก Cargurus.com กล่าวว่า ยอดขายปลีกให้กับผู้ซื้อรายบุคคลนั้นแข็งแกร่ง แต่ยอดขายโดยรวมยังคงต่ำกว่าระดับก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากการซื้อรถยนต์สำหรับลูกค้าธุรกิจนั้นลดลง
นายโรเบิร์ตระบุว่า แรงหนุนจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลมูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ และการที่ประชาชนมองหาการเดินทางที่ช่วยแยกตัวเองออกจากผู้อื่นเนื่องจากกังวลกับโรคโควิด-19 น่าจะช่วยให้ยอดขายยังคงแข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตาม การขาดแคลนชิปคอมพิวเตอร์ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์จำเป็นต้องปรับลดการผลิต และอาจส่งผลกระทบต่อยอดขายในระยะต่อไปในปีนี้