การค้าระหว่างจีนกับสหรัฐและออสเตรเลียยังคงมีการขยายตัว แม้จะเผชิญความตึงเครียดทางการเมือง โดยระหว่างสมัยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จีนและสหรัฐได้เรียกเก็บภาษีนำเข้าจากอีกฝ่ายเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ขณะที่ความตึงเครียดระหว่างจีนกับออสเตรเลียย่ำแย่ลงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หลังจีนระงับการเจรจาเชิงกลยุทธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างจีนและออสเตรเลีย (China-Australia Strategic Economic Dialogue) อย่างไม่มีกำหนด
ในเดือนเม.ย. ยอดส่งออกจากจีนไปสหรัฐเพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ 4.205 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดนำเข้าจากสหรัฐพุ่งขึ้น 52% แตะที่ 1.394 หมื่นล้านดอลลาร์
โจเซฟ คาปูร์โซ หัวหน้าฝ่ายเศรษศาสตร์ระหว่างประเทศของธนาคารคอมมอนเวลธ์ แบงก์ ออฟ ออสเตรเลีย (CBA) ระบุว่า การค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่เติบโตขึ้นเป็นผลมาจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐครั้งใหญ่ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน
นายคาปูร์โซกล่าวว่า "การค้าระหว่างสหรัฐกับจีนฟื้นตัวอย่างมากนับจากช่วงที่มีสงครามการค้า แม้ว่าจะมีการยกเลิกข้อจำกัดด้านการค้าไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น"
นอกจากนี้ นายคาปูร์โซยังระบุด้วยว่า จีนได้ซื้อสินค้าจากออสเตรเลีย โดยเฉพาะสินค้าทางการเกษตร แม้จะยังมีข้อจำกัดอยู่ก็ตาม
นายคาปูร์โซกล่าวว่า "แม้จะไม่ทราบรายละเอียดของสินค้า แต่เราก็พบว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวขึ้นนั้น ทำให้จีนนำเข้าสินค้าจากออสเตรเลียเพิ่มขึ้นและขาดดุลการค้ากับออสเตรเลียมากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ จีนนำเข้าสินค้าจากออสเตรเลียเพิ่มขึ้น 49% ในเดือนเม.ย. แตะที่ 1.487 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 20% แตะที่ 5.25 พันล้านดอลลาร์
ด้านการส่งออกไปยัง EU ของจีนเพิ่มขึ้น 24% แตะที่ 3.992 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 43% แตะที่ 2.679 หมื่นล้านดอลลาร์