ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซิน ขยายตัวในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศและการส่งออก แม้ว่าการพุ่งขึ้นของราคาวัตถุดิบและปัญหาซัพพลายเชนได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตของบริษัทบางแห่งก็ตาม
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ภาคการผลิตดีดตัวขึ้นแตะระดับ 52 ในเดือนพ.ค. จากระดับ 51.9 ในเดือนเม.ย. โดยดัชนี PMI เดือนพ.ค.ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2563 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 51.9
ดัชนี PMI ที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนยังคงมีการขยายตัว ส่วนดัชนีที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัว
นายหวัง ฉือ นักเศรษฐศาสตร์ของไฉซิน อินไซด์ กรุ๊ปกล่าวว่า การพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วของราคาสินค้าโภคภัณฑ์เริ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และทำให้บริษัทบางแห่งเริ่มกักตุนสินค้า ในขณะที่บริษัทอีกหลายแห่งเผชิญปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ
ราคาสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในปีนี้ ซึ่งรวมถึงถ่านหิน เหล็ก แร่เหล็ก และทองแดง เนื่องจากหลายประเทศประกาศยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ และสภาพคล่องที่สูงขึ้นทั่วโลก
ทั้งนี้ การพุ่งขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในจีนได้สร้างความกังวลให้กับรัฐบาล โดยคณะกรรมการการพัฒนาและปฏิรูปของจีน (NDRC) ออกแถลงการณ์ว่า รัฐบาลจีนจะใช้บทลงโทษขั้นรุนแรงต่อผู้ที่ละเมิดกฎข้อบังคับด้านการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งรวมถึงการกักตุนสินค้าและการซื้อขายเพื่อเก็งกำไร โดยมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะสกัดความร้อนแรงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์
การเปิดเผยข้อมูลดัชนี PMI ภาคการผลิตของไฉซินมีขึ้นหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานเมื่อวานนี้ว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนพ.ค.อยู่ที่ระดับ 51 ลดลงจากระดับ 51.1 ในเดือนเม.ย. โดยได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบที่พุ่งขึ้นรวดเร็วที่สุดในรอบกว่า 10 ปี