สำนักงานสถิติอินโดนีเซียเปิดเผยข้อมูลในวันนี้ว่า ยอดเกินดุลการค้าของอินโดนีเซียลดลงต่ำกว่าระดับคาดการณ์ในเดือนธ.ค. แตะที่ 1.02 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 20 เดือนเนื่องจากการส่งออกที่ได้รับแรงหนุนจากสินค้าโภคภัณฑ์เริ่มชะลอตัวลง ในขณะที่การนำเข้ายังคงพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวน้อยกว่าการคาดการณ์จากผลสำรวจที่จัดทำโดยรอยเตอร์ ซึ่งระบุว่า ยอดเกินดุลการค้าของอินโดนีเซียจะอยู่ที่ 3.13 พันล้านดอลลาร์ ทั้งยังต่ำกว่ายอดเกินดุลการค้าเดือนพ.ย.ที่ระดับ 3.51 พันล้านดอลลาร์อยู่มาก
การนำเข้าของอินโดนีเซียพุ่งขึ้น 47.93% มาอยู่ที่ 2.136 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค.เมื่อเทียบรายปี ซึ่งสูงเหนือความคาดหมายของนักวิเคราะห์ที่ 39.40% และได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของยอดซื้อหลายภาคอุตสาหกรรม เช่น สินค้าอุปโภคบริโภคและวัตถุดิบสำหรับการผลิต
ส่วนการส่งออกปรับตัวขึ้น 35.30% เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าการคาดการณ์ที่ 40.40% เนื่องจากการส่งออกถ่านหินไปยังจีนเริ่มชะลอตัวลง หลังรัฐบาลจีนเร่งผลักดันการผลิตถ่านหินในประเทศ
ก่อนหน้านี้บรรดานักเศรษฐศาสตร์ได้เตือนว่า คำสั่งห้ามส่งออกถ่านหินของรัฐบาลอินโดนีเซีย ซึ่งมีขึ้นเพื่อป้องกันปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้าในประเทศ อาจทำให้อินโดนีเซียเผชิญความเสี่ยงขาดดุลการค้า เนื่องจากถ่านหินคิดเป็น 14% ของการส่งออกทั้งหมดของอินโดนีเซีย
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดนายลูฮัต ปันด์ไจตัน รมว.ประสานงานการเดินเรือและการลงทุน เปิดเผยว่า อินโดนีเซียจะยกเลิกมาตรการห้ามส่งออกถ่านหินบางส่วนเป็นเวลา 1 เดือน ตามข้อเรียกร้องของนานาชาติ หลังจากที่ได้บังคับใช้ข้อกำหนดดังกล่าวเมื่อวันที่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมา
อนึ่ง การส่งออกของอินโดนีเซียตลอดปี 2564 พุ่งทำสถิติใหม่ที่ระดับ 2.3154 แสนล้านดอลลาร์ ขณะนี้การนำเข้าอยู่ที่ 1.962 แสนล้านดอลลาร์ ส่งผลให้อินโดนีเซียมียอดเกินดุลการค้าปี 2564 อยู่ที่ 3.534 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นยอดเกินดุลการค้าที่มีมูลค่าสูงสุดนับแต่ปี 2550