นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์กล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์กว่า เขาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1% ภายในวันที่ 1 ก.ค.นี้ เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นร้อนแรงที่สุดในรอบ 40 ปี
"ผมเปิดกว้างสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนมี.ค. และผมต้องการเห็นเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 1% ภายในวันที่ 1 ก.ค.นี้ ในช่วงที่ผ่านมานั้น ผมเป็นกรรมการเฟดสายเหยี่ยวอยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเช่นนี้ ทำให้ผมคิดว่าคณะกรรมการเฟดควรจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่สูงขึ้น" นายบูลลาร์ดกล่าว โดยนายบูลลาร์ดเป็นหนึ่งในคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดที่มีสิทธิ์ลงมติในปีนี้
การแสดงความเห็นของนายบูลลาร์ดมีขึ้นไม่นานหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 7.5% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2525 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.2% จากระดับ 7.0% ในเดือนธ.ค.
"ดัชนี CPI เดือนม.ค.สะท้อนให้เห็นว่าสหรัฐยังคงเผชิญกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ซึ่งเรื่องนี้สร้างความกังวลให้กับผมและเฟดด้วย" นายบูลลาร์ดกล่าว
ทั้งนี้ นายบูลลาร์ดกล่าวว่า คณะกรรมการเฟดจะถูกจับตาอย่างมากในการประชุมวันที่ 15-16 มี.ค.นี้ หลังจากคณะกรรมการได้ให้คำมั่นว่าจะยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ก่อนที่จะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
"นี่เป็นเวลาที่คณะกรรมการเฟดจะต้องแสดงปฏิกิริยาบางประการในการประชุมที่จะมีขึ้นครั้งหน้า และควรเริ่มด้วยการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ผมคิดว่าเราควรจะดำเนินการให้รวดเร็วขึ้นและพิจารณาเรื่องดังกล่าว" นายบูลลาร์ดกล่าว
การแสดงความเห็นของนายบูลลาร์ดเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ ท่ามกลางความวิตกกังวลที่ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรงขึ้นและในเวลาที่รวดเร็วขึ้นเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้ต้นทุนการกู้ยืมปรับตัวขึ้น และส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียน