ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ของญี่ปุ่นในไตรมาส 1/2565 ปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ไตรมาส เนื่องจากผลกระทบของต้นทุนพลังงานและวัตถุดิบที่สูงขึ้น อันเป็นผลมาจากการที่รัสเซียใช้กำลังทหารบุกโจมตียูเครน และปัญหาคอขวดด้านอุปทานที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ของญี่ปุ่น (ทังกัน) ประจำไตรมาส 1/2565 ซึ่งรวมถึงผู้ผลิตรถยนต์และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์นั้น ลดลงสู่ระดับ +14 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2564 จากระดับ +17 ในไตรมาส 4/2564
อย่างไรก็ดี ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวเกียวโดคาดการณ์ไว้ที่ +11
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มบริษัทนอกภาคการผลิต ซึ่งรวมถึงภาคบริการนั้น อยู่ที่ระดับ +9 ในไตรมาส 1/2565 ลดลงจากระดับ +10 ในไตรมาส 4/2564 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบจากการใช้มาตรการที่เข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มบริษัทนอกภาคการผลิตปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ไตรมาสเช่นกัน
การที่รัสเซียใช้กำลังทหารโจมตียูเครนตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 ก.พ.นั้น ได้ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบและสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ท่ามกลางความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์และความกังวลเกี่ยวกับปัญหาห่วงโซ่อุปทาน เนื่องจากรัสเซียเป็นผู้ส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ของโลก
นอกจากนี้ เงินเยนที่อ่อนค่าลงอย่างมากเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ เช่นดอลลาร์และยูโรนั้น ยังส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบของญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้นและส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัทเอกชน
ผลสำรวจของ BOJ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ในไตรมาส 2 มีแนวโน้มลดลงมาอยู่ที่ระดับ +9 และดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มบริษัทนอกภาคการผลิตจะลดลงสู่ระดับ +7