รายงานระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมีสาเหตุส่วนหนึ่งจากการที่สหรัฐระบายน้ำมันในคลังสำรองเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน ในขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นปรับตัวลดลง
สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 3.6 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 388,000 บาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 2.9 ล้านบาร์เรล แตะ 111.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นสถิติต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2557
สต็อกน้ำมันดีเซลและน้ำมันเครื่องบินปรับตัวลดลงต่อเนื่อง อันเป็นผลจากความต้องการที่แข็งแกร่งในต่างประเทศ รวมถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีความมั่นคง
ทั้งนี้ สหรัฐประกาศระบายน้ำมันในคลังสำรองจำนวน 1 ล้านบาร์เรล/วันเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน และบรรเทาภาวะเงินเฟ้อในประเทศ
"ประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะระบายน้ำมันจำนวน 180 ล้านบาร์เรลออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) โดยจะมีการระบายน้ำมัน 1 ล้านบาร์เรล/วันเป็นเวลา 6 เดือน การระบายน้ำมันดังกล่าวถือว่าสูงเป็นประวัติการณ์ โดยยังไม่มีชาติใดเคยระบายน้ำมันในคลังสำรองจำนวน 1 ล้านบาร์เรล/วันเป็นระยะเวลานานเช่นนี้มาก่อน และจะทำให้สหรัฐมีปริมาณน้ำมันมากเป็นประวัติการณ์ไปจนถึงสิ้นปีนี้ ขณะที่การผลิตน้ำมันภายในประเทศปรับตัวขึ้น" ทำเนียบขาวระบุในแถลงการณ์