สำนักงานสถิติแห่งชาติอินโดนีเซียรายงานในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัว 5.44% ในไตรมาส 2/2565 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 5.17% และขยายตัวได้ดีกว่าในไตรมาส 1 ซึ่งอยู่ที่ 5.01%
เศรษฐกิจอินโดนีเซียได้แรงหนุนจากการส่งออกที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และจากการที่รัฐบาลกลับมาเปิดพรมแดนอีกครั้ง โดยยอดส่งออกในไตรมาส 2 พุ่งขึ้นเกือบ 20% จากไตรมาส 1 ที่ปรับตัวขึ้น 16.22%
ทั้งนี้ คาดว่าตัวเลข GDP ที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดในไตรมาส 2 อาจทำให้ธนาคารกลางอินโดนีเซียพุ่งความสนใจไปที่การควบคุมเงินเฟ้อ โดยขณะนี้อัตราเงินเฟ้อของอินโดนีเซียอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี
ธนาคารกลางอินโดนีเซียเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคพุ่งขึ้น 4.94% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี และสูงเหนือกรอบเป้าหมายของธนาคารกลางอินโดนีเซีย
อย่างไรก็ดี คาดว่าธนาคารกลางอินโดนีเซียจะดำเนินการควบคุมเงินเฟ้ออย่างระมัดระวัง เนื่องจากมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจทั่วโลกจะเผชิญภาวะถดถอย อันเนื่องมาจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยและเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลง
ทั้งนี้ ธนาคารกลางอินโดนีเซียคาดการณ์ว่า การขยายตัวของ GDP จะอยู่ต่ำกว่าจุดกึ่งกลางของกรอบเป้าหมาย 4.5% - 5.3% ที่ธนาคารกลางกำหนดไว้สำหรับปีนี้ ท่ามกลางแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน