ธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยในรายงานนโยบายการเงินรายไตรมาสฉบับล่าสุดว่า PBOC จะใช้มาตรการปกป้องเศรษฐกิจไม่ให้ถูกกระทบจากเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง พร้อมกับให้คำมั่นว่าจะหลีกเลี่ยงการใช้มาตรการกระตุ้นขนานใหญ่และการพิมพ์เงินจำนวนมากเข้าสู่ระบบเพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ PBOC จะดำเนินการแบบคู่ขนานด้วยการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการสร้างความเชื่อมั่นว่าเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ ในขณะเดียวกัน PBOC จะสนับสนุนเศรษฐกิจที่แท้จริง (real economy) ให้มีความแข็งแกร่งและมีคุณภาพสูง
"แรงกดดันด้านเงินเฟ้อเชิงโครงสร้างอาจจะเพิ่มขึ้นในระยะใกล้นี้ และคาดว่าแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่เกิดจากปัจจัยต่างประเทศจะยังคงมีอยู่ ด้วยเหตุนี้เราจึงจำเป็นต้องตั้งการ์ดให้สูงต่อไป" PBOC ระบุในแถลงการณ์
คำเตือนดังกล่าวมีขึ้นหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 2.7% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี เนื่องจากราคาเนื้อหมูพุ่งขึ้นรุนแรงถึง 20% ในเดือนก.ค. หลังจากที่ปรับตัวลง 6% ในเดือนมิ.ย.
PBOC คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI มีแนวโน้มพุ่งขึ้นทะลุระดับ 3% ภายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ อย่างไรก็ดี คาดว่าจีนจะสามารถบรรลุเป้าหมายการควบคุมเงินเฟ้อตลอดปี 2565 ไว้ที่ 3% เนื่องจากมีการใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าอุปทานพลังงานและธัญพืชจะมีเพียงพอ และจากการที่จีนดำเนินนโยบายการเงินอย่างรอบคอบระมัดระวัง