สำนักงานสถิติแห่งชาติอินโดนีเซียรายงานในวันนี้ว่า ยอดเกินดุลการค้าของอินโดนีเซียลดลงสู่ 4.23 พันล้านดอลลาร์ในเดือนก.ค. จากระดับ 5.09 พันล้านดอลลาร์ในเดือนมิ.ย. เนื่องจากการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลดลง โดยตัวเลขดังกล่าวสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของวอลล์สตรีท เจอร์นัลคาดการณ์ว่า อินโดนีเซียจะเกินดุลการค้า 3.80 พันล้านดอลลาร์ในเดือนก.ค.
นายเซเทียนโท รองผู้อำนวยการสำนักงานสถิติอินโดนีเซียเปิดเผยว่า อินโดนีเซียมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐ อินเดีย และฟิลิปปินส์
ทั้งนี้ ยอดส่งออกเดือนก.ค.ของอินโดนีเซียลดลง 2.2% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน เนื่องจากการส่งออกน้ำมันและสินค้าแปรรูปลดลง ขณะที่ราคาส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์สำคัญชนิดต่าง ๆ เช่น น้ำมันปาล์มดิบและนิกเกิลลดลงเช่นเดียวกัน
แต่หากเทียบเป็นรายปี ยอดส่งออกเดือนก.ค.ของอินโดนีเซียเพิ่มขึ้น 32% ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นผลมาจากการปรับตัวขึ้นของการส่งออกผลิตภัณฑ์นอกกลุ่มน้ำมันและก๊าซ
ส่วนยอดการนำเข้าเดือนก.ค.ปรับตัวขึ้น 1.6% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน แตะที่ 2.135 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งนำโดยการนำเข้าวัตถุดิบที่เพิ่มมากขึ้น และเมื่อเทียบเป็นรายปี ยอดนำเข้าปรับตัวขึ้น 39.9% ในเดือนก.ค.