เศรษฐกิจอังกฤษมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอย หลังข้อมูลบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจหดตัวลงแบบไม่คาดคิดในเดือนส.ค. ตอกย้ำความท้าทายที่นายกรัฐมนตรีลิซ ทรัสส์ต้องเผชิญ หลังจากที่ได้ให้คำมั่นต่อประชาชนเอาไว้ว่าจะเร่งขยายการเติบโตทางเศรษฐกิจ สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เดือนส.ค.ของอังกฤษหดตัวลง -0.3% เมื่อเทียบกับเดือนก.ค. โดยถูกกดดันจากความอ่อนแอด้านการผลิตและการบำรุงรักษาแหล่งน้ำมันและก๊าซในแถบทะเลเหนือ นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจครั้งล่าสุดนี้ยังแสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่เงินเฟ้อมีต่อผู้บริโภค
ขณะที่ ผลสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ที่จัดทำโดยสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่า GDP เดือนส.ค.ของอังกฤษนั้นจะอยู่ที่ 0.0%
ข้อมูล GDP ที่เพิ่มขึ้นในเดือนก.ค.ได้รับการแก้ไขให้ลดลงมาอยู่ที่ 0.1% จากการประมาณการก่อนหน้านี้ที่ 0.2% และในช่วงเดือนมิ.ย.-ส.ค. GDP ของอังกฤษปรับตัวลดลง -0.3% โดยนับเป็นการปรับตัวลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นปี 2564 ซึ่งเป็นช่วงที่อังกฤษยังคงตกอยู่ในวิกฤตโควิด-19 ระบาด
นางยาเอล เซลฟิน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของบริษัทเคพีเอ็มจี ยูเคให้ความเห็นว่า "แรงกดดันต่อสถานะทางการเงินของภาคครัวเรือน ยังคงเป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจ และมีแนวโน้มที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจอังกฤษเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิคตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปีนี้"
ทั้งนี้ GDP ในเดือนก.ย. มีแนวโน้มที่จะอ่อนแอลงไปอีก เนื่องจากมีวันหยุดนักขัตฤกษ์เฉพาะกิจจากพระราชพิธีพระบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2